วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แอ๊บ แบ๊ว

ดวงตา
จากที่เคยมี ลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม คนที่”แอ๊บแบ๊ว” จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) ถ้านึกภาพไม่ออก แนะนำให้ไปดูเอ็มวี เพลง ปู ของเนโกะจั๊มพ์ อะโนโนโน่ อย่างนี้ไม่ดี.. ช็อตทื่สองสาวเล่นกับ กล้อง นั่นแหละใช่ เลย!

อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่
ที่ดัดขนตา, มาสคาร่า และอายไลเนอร์ ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เดี๋ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย..แม่เจ้า แต่มีข้อแม้ว่าควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคนทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน อันนั้นออกแนวสยองแล้วล่ะค่ะ เมื่อตาโตขึ้นแล้ว อวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือ คิ้ว ที่จะเลิกขึ้นนิดๆ หัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัย ไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง
สาวคนไหนจะลองทำตาแบ๊วดูก็ไม่ว่ากันค่ะ

 แก้ม
อยากรู้จังว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ได้ ลำพังคนที่ แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ แต่สำหรับคนที่แก้ม ตอบ โหนกปูด กรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลม ไว้ในปาก แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น (อิชั้นเคยลองดูแล้ว รู้สึกเหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้ม ที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็พลาด กะไซส์แก้มผิด ป่องเป็นปลาทองรักเร่ หรือไม่ก็ชิพกับเดลล์ เพิ่งผ่าฟันคุด ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ… ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..  ปาก ยังช่วยคุณได้ ค่ะ


 ปาก
ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดา หรือจอยรินลณี ปากของ สาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆ แบบอั้มพัชราภา/แตงโม/เมย์พิชนาฏ/ กิ๊บซ่า กิ๊บซี่ เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบคน ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอดเวลา

ส่วนริม ฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบ โน๊ต เชิญยิ้ม เด็ดขาด แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง และทีเด็ดคือต้องยิงมุมปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณ หน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่น เซี้ยวแสนซน และทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า “ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง..” อย่าลืม รักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ เสียงที่ออกมาจะได้อ้อม แอ้ม พูดไม่ชัด น่ารักน่าถีบ เอ๊ย! น่าจีบ ขึ้นอีกจมเลย

 เสียง
เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุดท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว เสียง มาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆ อู้อี้นิดๆ อ้อนหน่อยๆ ประมาณ น้องเบเบ้ หรือ จิ๊บ ปกฉัตร อะไรแถบๆนี้ ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็มมา อาจจะต้องไป ตัดปลายลิ้นตัวเองก่อน จึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊ว คือ level ตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุด เช่น
จริงเหรอ ออกเสียงเป็น จิ๊ง-ง๋ออออออ??
ใช่ไหม เป็น ชิเมะ? / ชิป้ะ? / ชิม้า? / ชิมิ?
ไม่เอา เป็น มิอาวววว
คือว่า,เอ่อ เป็น คึ่ บั่บ / คึ่แบ๊บ / เอิ่ม / อึ่มมม
บ้า เป็น บร๊า …….. (อย่าลืมกระดกเสียงขึ้นไป 2 octave)
อะไรน่ะ เป็น อึ่หล่ายอ้ะ? เป็นต้น

 ตัวอย่างประโยค
“อ้าว สวัสดีแก ไม่ได้เจอกันนานมาก คิดถึงสุดๆ ไปกินข้าวที่สยามกันมั้ย เดี๋ยวพี่ชายเราไปส่งล่ะ” เป็น
“ฮั้ย! สัสดีแกร..มะได้เจ๊อกึนนานม๊ากกก คิดถึ่งซูดซู๊ดดด ไปกินค๊าวที้ซึ่หย่ามกึนเมะเด๋วพี๊..ชายเราป้ะส่งแหละ” ฯลฯ
ตะเองเค้าหิวเข้าจางลุยอ่า พาเค้าไปกินเข้าหน่อยจิ นะนะ รึว่าตะเองไมjอย่ากไปกินเข้ากาบเค้าซิมิ ก้อดุยไปคนเดวก้อดุย บะบุย




MusicPlaylist

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น